
โรเซท (Rosettes) หรือดอกกุหลาบที่ถูกแกะสลักลวดลายดอกไม้อย่างงดงามถูกนํามาใช้ประดับในหลากหลายสถาปัตยกรรมไม่วาจะเป็นอนุสาวรีย์ หรืองานประติมากรรม จุดเริ่มต้นของโรเซทได้กําเนิดขึ้นราว 5,000 ปีก่อน ในเมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) เริ่มพบมากขึ้นในอารยธรรมช่วงต้นของอียิปต์ และกรีกโบราณ
เมื่อการประดับลวดลายดอกไม้บนสถาปัตยกรรมถูกส่งต่อมายังเครื่องดนตรีกีตาร์ ในยุคบาโรกนั้นศิลปินและช่างทำกีตาร์ต่างได้รับอิทธิพลในการตกแต่งลวดลายและประดับประดามากขึ้น การตกแต่งลวดลายกุหลาบได้รอบล้อมช่องเสียงของกีตาร์ (Sound hole) มีการตกแต่งหลากหลายรูปแบบซึ่งขึ้นอยู่กับช่างทำกีตาร์ อาจตกแต่งด้วยลวดลายที่เรียบง่าย หรือแกะสลักลวดลายดอกไม้ที่ซับซ้อน
ต่อมาในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ลวดลายของโรเซทได้รับอิทธิพลจากภูมิศาสตร์ เช่น ไข่มุกขนาดเล็กที่ทำเป็นรูปฟัน หรือรูปสามเหลี่ยม โดยเป็นแบบฉบับของกีตาร์วาเลนเซีย ช่างกีตาร์มองว่าดอกกุหลาบเป็นงานศิลปะที่ละเอียดอ่อน เนื่องจากต้องใช้ความอดทนและทักษะอย่างมากในการสร้างโรเซท เช่น José Ramirez ถือว่ามันเป็นรูปแบบหนึ่งของการสร้างอัตลักษณ์ของช่างกีตาร์ โดยเขากำหนดมาตรฐานการออกแบบดอกกุหลาบโค้งรูปตัว “S” อันโดดเด่นและเฮดสต็อก (Head stock) แบบเจาะรูตรงกลางเพื่อให้สามารถจดจำกีตาร์ของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย

โดยทั่วไปโรเซทในปัจจุบันจะมีสามส่วน ประกอบไปด้วย วงแหวนในรอบช่องเสียงของกีตาร์ โมเสกตกแต่งตรงกลางและวงแหวนรอบนอก ซึ่งมักจะสะท้อนวงแหวนในวงแหวนรอบนอกมักทำจากแผ่นวีเนียร์วางแนวทแยงก้างปลาหรือกระดานหมากรุก โมเสกส่วนกลางเป็นส่วนที่ท้าทายที่สุดในการออกแบบ และการสลักลวดลายดอกกุหลาบ อันดับแรกคือการออกแบบโมเสกเอง ซึ่งมักจะทำบนกระดาษกราฟสี่เหลี่ยมถูกเติมเพื่อสร้างเส้นโค้งมุมและสีสำหรับกระเบื้องบนสี่เหลี่ยมจัตุรัสของดอกกุหลาบ
ในปัจจุบัน เครื่องมือในการออกแบบโมเสกโรเซทของกีตาร์นั้นซับซ้อนเกินกว่าช่างกีตาร์ในศตวรรษก่อนจินตนาการได้ เพราะปัจจุบันโปรแกรมซอฟแวร์บนคอมพิวเตอร์ที่ช่วยให้ออกแบบได้ง่ายขึ้น รวมทั้งขั้นตอนการผลิตที่สามารถใช้เครื่องกล แต่ยังมีช่างทํากีตาร์หลายคนที่ยังคงแกะสลักลวดลายโรเซท ด้วยมือ โดยเฉพาะช่างที่ทํากีตาร์จํานวนน้อย ๆ เท่านั้น
